แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Cindy700

หน้า: 1 ... 506 507 [508] 509 510 ... 522
7607
เคทีซี เจซีบี เปิดตัวบัตรเครดิตระดับสูงสุด [pr]"เคทีซี เจซีบี อัลติเมท" ครั้งแรกในไทย กับสิทธิพิเศษระดับพรีเมียม เพื่อความ...เป็นที่สุดในแบบคุณ
 
เคทีซีจับมือเจซีบีเปิดตัวบัตรเครดิต "เคทีซี เจซีบี อัลติเมท" ครั้งแรกในประเทศไทย ขยายฐานสมาชิกผู้ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น จับกลุ่มสมาชิกพรีเมียม อัดแน่นด้วยสิทธิพิเศษเหนือระดับสมกับเป็นบัตรระดับสูงสุดของค่ายเจซีบี ด้วยคะแนน KTC FOREVER 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศทั่วโลก บริการรอยัล ซิลค์ เลาจน์ พร้อมตอบโจทย์ 3 ไลฟ์สไตล์ ชื่นชอบร้านอาหาร ไฟน์ไดนิ่ง ช้อปปิ้งออนไลน์ และเดินทางคุ้มค่ากว่า กับส่วนลดจากพันธมิตรชั้นนำ เพื่อความ ? "เป็นที่สุดในแบบคุณ" (ULTIMATELY YOURS) คาดสิ้นปียอดสมัครบัตรฯ แตะ 50,000 ใบ และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ใบใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,300 ล้านบาท

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เคทีซีและเจซีบี ประเทศไทย เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันเสมอมา บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี แพลทินัม เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2549 และได้รับการตอบรับด้วยดีจากคนไทยที่ชื่นชอบและรักในความเป็นญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมีจำนวนบัตรฯ ทั้งสิ้น 200,000 ใบ สำหรับในปีนี้ เคทีซีได้รับเกียรติจากเจซีบี ให้เป็นบัตรเครดิตรายแรกในประเทศไทยที่ได้ออกบัตรเครดิตระดับสูงที่สุด นั่นก็คือ "บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท" เพื่อจับกลุ่มสมาชิกที่มีรายได้ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ชื่นชอบการท่องเที่ยว ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง และนิยมช้อปปิ้งทางออนไลน์ ซึ่งตรงกับกลยุทธ์การตลาดของเคทีซีในปีนี้ ที่เน้นการขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มระดับบนมากขึ้น รวมถึงมุ่งสรรหาพันธมิตรใหม่ๆ ให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์แนวพรีเมียมมากยิ่งขึ้นเช่นกัน สำหรับรูปแบบของหน้าบัตรฯ ได้รับการออกแบบโดยใช้โทนสีคอปเปอร์เพื่อเน้นความพรีเมียม เพิ่มเติมความเรียบ หรู ด้วยลายเส้นแกะสลักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเป็นรูปของ "นกกระเรียน" ซึ่งจัดเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี"

"สิทธิพิเศษหลักของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ได้แก่ สมาชิกรับคะแนน KTC FOREVER 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศทั่วโลก และรับฟรี! บริการห้องรับรองรอยัล ซิลค์ เลาจน์ (Royal Silk Lounge) จำนวน 2 ครั้งต่อปี นอกเหนือจากสิทธิพิเศษกับบริการแอร์พอร์ต เลาจน์ ที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 28 แห่ง และเจซีบี พลาซ่า เลาจน์ (JCB Plaza Lounge) บริการห้องรับรองใน 9 ประเทศและบริการเลขาส่วนตัวผ่านเจซีบี พลาซ่า (JCB Plaza) ทั่วโลก พร้อมมอบประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 20,000,000 บาท ประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียหรือสูญหายจากการเดินทางวงเงินสูงสุด 40,000 บาท/ครั้ง ในกรณีชำระค่าบัตรโดยสารสายการบินด้วยบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท"

นายเรียว โมริตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เจซีบีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเปิดตัว "บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท" เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เนื่องจากเรามองเห็นศักยภาพในการใช้จ่ายของกลุ่มพรีเมียม เราจึงขยายฐานลูกค้าและเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในต่างประเทศแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเจซีบีได้ในทุกๆ วัน หรือ Daily use in everyday life พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นส่วนลดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางด้านการใช้จ่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์หลักของบัตรใบนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ถือบัตรในประเทศไทยจะชื่นชอบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมทและโปรโมชันที่เราจะมอบให้ตลอดทั้งปี"

สำหรับสิทธิพิเศษของ เจซีบี อัลติเมท เซอร์วิส ประกอบด้วย สิทธิพิเศษพื้นฐานของบัตรเจซีบี แพลทินัม เซอร์วิส ตลอดทั้งปี 2565 จากหมวด Dining / Journey / Lifestyle และ Crown Dining ถึง 40 ร้านค้า ลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษที่เพิ่มเติมเหนือกว่าตลอดปี 2565 กับร้านค้าในหมวดต่างๆ ดังนี้

1) Dining สิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 20% ที่ร้านอาหารพรีเมียมยอดนิยม 10 ร้าน อาทิ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน รอสซินีส์ (Rossini's) ร้านอาหารญี่ปุ่นชิชิ (Shichi) ร้านอาหารไทยเรือนมัลลิการ์ และร้านของหวาน Brix Dessert Bar ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 - วันที่ 31 ธันวาคม 2565

2) Lifestyle รับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 1,400 บาททุกเดือน* จากพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการ อาทิ ดอลฟิน / กอล์ฟดิกก์ (Golfdigg) / กูร์เมต์มาร์เก็ต (ออนไลน์) / แกร็บ / ลาซาด้า / ไลน์แมน / เอ็มออนไลน์ (MOnline) และช้อปปี้ *เงื่อนไขจำนวนสิทธิ์เป็นไปตามที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 - วันที่ 31 ธันวาคม 2565

3) Journey รับสิทธิ์จองรถเช่าราคาพิเศษ เริ่มต้น 699 บาท / วัน ที่ AVIS Thailand ราคาดังกล่าวรวมประกันพื้นฐานแบบไม่มีค่ารับผิดชอบเบื้องต้น ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 - วันที่ 31 ธันวาคม 2565

"เคทีซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท จะตอบโจทย์กลุ่มคนที่รักในความเป็นญี่ปุ่น และสนุกกับการใช้ชีวิตดั่งสโลแกน "เป็นที่สุดในแบบคุณ?ULTIMATELY YOURS" โดยคาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท จำนวน 50,000 ใบ และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ใบใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,300 ล้านบาท" นายระเฑียรกล่าวปิดท้าย

สมัครบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 - 31 พฤษภาคม 2565 รับคูปองโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 400 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ KTC EXCLUSIVE SERVICE 02 123 5444 /เว็บไซต์ www.ktc [pr] .co.th /ศูนย์บริการสมาชิก "เคทีซี ทัช" ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ได้ที่นี่: http://bit [pr] .ly/apply-ktc

7608
ดัชนี SET ต้นภาคบ่ายพลิกกลับมาพุ่งกว่า 10 จุด รีบาวด์ทางเทคนิค

ตลาดหุ้นไทย [pr]ต้นภาคบ่ายพลิกกลับมาบวกกว่า 10 จุด โบรกฯมองเป็นการรีบาวด์ทางเทคนิค เหตุตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยปัจจัยเดิมคือสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่สามารถหาทางออกได้

เมื่อเวลา 14.33 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,657.23 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด (+0.62%)

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยต้นภาคบ่ายปรับตัวขึ้นไปกว่า 10 จุด เป็นการรีบาวด์หลังจากเริ่มลดช่วงลบลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น และตลาดยุโรปก็เปิดมาบวก โดยสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่เปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงบวกและลบ สำหรับหุ้นที่คอยหนุนตลาดหุ้นบ้านเราก็ยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และเดินเรือ เป็นต้น

ให้กรอบแนวต้าน 1,660 จุด และแนวรับ 1,650 จุด

7609
TTA-PSL พุ่งแรงตอบรับ BDI ปรับขึ้นต่อเนื่องแตะสูงสุด [pr]รอบ 3 เดือน

ราคาหุ้น PSL ปรับขึ้น 5.13% มาที่ 20.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขายคึกคัก 388.17 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.19 น.โดยราคาเปิดตลาดวันนี้ 19.80 บาท ปรับขึ้นสูงสุดที่ 20.80 บาท และต่ำสุดที่ 19.70 บาท

ขณะที่เมื่อเวลา 11.17 น. ราคาหุ้น TTA พุ่งแรง 14.85% มาที่ 11.60 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,200.46 ล้านบาท

หุ้น RCL ก็ปรับตัวขึ้น 1.52% มาอยู่ที่ 50.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 270.38 ล้านบาท

บทวิเคราะห์ของ บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.70 บาท) ตามการฟื้นตัวของของค่าระวางเรือเทกอง Baltic Dry Index (BDI) ล่าสุดบวกต่ออีก +5.71% ที่ระดับ 2,704 จุด สูงสุดในรอบ 3 เดือน (ดัชนีกลุ่มเรือ Handysize, Supramax ซึ่งเป็นขนาดเรือส่วนใหญ่ของ PSL ปรับขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน) ได้ Sentiment บวกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวหนุนความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์อย่างสินแร่เหล็ก, ถ่านหิน และเมล็ดธัญพืช

ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ประเทศผู้นำเข้าต้องหาสินค้าทดแทนจากแหล่งอื่น ขณะที่ปัจจัยบวกทางฝั่งอุปทานมาจากจำนวนเรือเทกองจะเพิ่มขึ้นไม่มากในปี 65

7610
UPA ติดตั้งเครื่องขุดคริปโตฯ 400 เครื่อง เดือน เม.ย.65 ติดตั้งเพิ่มอีก 4,000 เครื่อง มั่นใจผลงานปี 65 โต [pr]กระฉูด!

UPA ประกาศลุยสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มพิกัด! ประเดิมรับมอบเครื่องขุดคริปโตฯ 400 เครื่อง ล็อตแรกติดตั้งที่เหมือง เมืองปากเซ ใน สปป.ลาว พร้อมคาดเดือน เม.ย.เตรียมติดตั้งเพิ่มอีก 4,000 เครื่อง วงเงินลงทุน 440.9 ล้านบาท ฟาก " กวิน เฉลิมโรจน์ " ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มั่นใจสนับสนุนอนาคตโตก้าวกระโดด มั่นใจปีแนวโน้มผลงานปี 65 โตแกร่ง

นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA) เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำการสั่งซื้อเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อมาติดตั้งที่เหมืองที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว ซึ่งเป็นเหมืองที่ลงทุนร่วมกับ Asia Investment and Financial Services Sole Company Limited (AIFS) รวมมูลค่าประมาณ 13.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 440.9 ล้านบาท โดยได้ติดตั้งเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซีแล้วเสร็จจำนวน 400 เครื่อง พร้อมดำเนินการขุดคริปโตเคอร์เรนซี สามารถรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 1/2565 และจะทยอยติดตั้งอีกจำนวน 4,000 เครื่อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2565 และสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในไตรมาส 2/2565

"การที่บริษัทแจ้ง ก็เพื่อต้องการให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และพัฒนาการที่สำคัญในการทำธุรกิจ และเป็นการสร้างความมั่นใจต่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้น ที่ผ่านมาทีมงานบริหารของเราได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มาเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และอสังหาริมทรัพย์ " นายกวิน กล่าว

ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจ 2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการทยอยรับรู้รายได้จากผลตอบแทนในการลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทฯยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายการลงทุน เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

อนึ่งประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี หรือการขุดเหมืองคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในวงเงิน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 817.7 ล้านบาท

7611
NDID จับมือ มาสเตอร์การ์ด [pr] เปิดมิติใหม่เชื่อมต่อแพลตฟอร์มให้บริการข้ามประเทศครั้งแรกของโลก
 
"NDID" ประกาศความสำเร็จระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตน"บุคคลธรรมดา"กว่า 9 ล้านรายการ ครอบคลุมผู้ให้บริการทั้งภาครัฐ และเอกชน เตรียมก้าวสู่เฟส 2 ยืนยันตัวตน "นิติบุคคล" พร้อมจับมือ มาสเตอร์การ์ด เปิดมิติใหม่เชื่อมต่อแพลตฟอร์มให้บริการข้ามประเทศครั้งแรกของโลก

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานกรรมการ บริษัทเนชั่นแนลดิจิทัล ไอดี จำกัด (NDID) กล่าวว่า จากก้าวแรกที่สมาคมธนาคารไทย บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมก่อตั้ง NDID เพื่อขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ให้สอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญของ NDID ที่จะมุ่งยกระดับการทำธุรกรรมทางดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองทางกฎหมายในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์บนโลกดิจิทัล บนพื้นฐานของการให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนและเชื่อมโยงข้อมูลอย่างครบวงจร ตลอดจนยกระดับการบริหารความเสี่ยงทั้งของธนาคารและภาคธุรกิจ

ปัจจุบัน คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากองค์กรพันธมิตรรวม 14 องค์กร ได้แก่ สมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปรษณีย์ไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไทย และล่าสุด มีการแต่งตั้ง นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการผลักดันและขับเคลื่อน NDID ให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"NDID ถือเป็นทางเลือกของประชาชนในการยืนยันและพิสูจน์ตนเองต่อหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ และในอนาคตอันใกล้ จะสามารถให้บริการทั้งในบริบทของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ การเงินและการลงทุน ประกันภัย สาธารณสุข โทรคมนาคม และการศึกษา เป็นต้น" ประธานกรรมการ NDID กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2564 NDID มีการใช้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนบุคคลธรรมดาผ่าน NDID แล้วมากกว่า 9 ล้านรายการ ผ่านผู้ให้บริการกว่า 100 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยปี 2565 นี้ NDID จะขยายขอบเขตการให้บริการสู่เฟสที่ 2 คึอ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนนิติบุคคล ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกการทำธุรกรรมของบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ เข้าสู่กระบวนการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และในเฟส 3 จะพัฒนาสู่ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการและติดตามความคืบหน้าในด้านต่างๆ ตลอดจนการรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของ NDID ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ NDID ได้ประกาศอีกก้าวแห่งความสำเร็จ โดยมีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ Master Card ซึ่งมี Digital ID Platform ระดับโลก เพื่อร่วมกันศึกษาการเชื่อมต่อสองแพลตฟอร์ม และเปิดมิติใหม่การให้บริการ Digital ID ทำรายการข้ามระหว่างประเทศ หรือ Cross Border Digital ID โดยคาดว่าจะสามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มได้ภายในปีนี้ และนำร่องให้บริการในประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก่อนจะขยายไปประเทศอื่น ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ NDID จะศึกษาการเชื่อมต่อระหว่างสองแพลตฟอร์ม ทั้งด้านเทคนิค กฏหมาย และกฏระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของโลก ที่มี Digital ID ทำรายการจริงข้ามประเทศระหว่างกัน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นนวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ อำนวยความสะดวกต่อลูกค้าของ มาสเตอร์การ์ด และ NDID ในวงกว้าง

ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์. ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)กล่าวว่า หลักสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล คือ Digital ID ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ภาคธุรกิจเอกชนและประชาชนคนไทยสามารถเข้าถึงบริการได้แบบไร้รอยต่อ และเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น สอดรับกับการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การมีแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ และจากการทำงานร่วมกับ NDID ที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า แพลตฟอร์มของไทยมีความมั่นคง ปลอดภัย พร้อมแสดงศักยภาพการขยายผลไปสู่ต่างประเทศต่อไป

นางสาวไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า การที่มีอัตราการเข้าถึงประสบการณ์ด้านดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ให้บริการต่างต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ที่มีมากขึ้นด้วย อาทิ การฉ้อโกงบัญชีออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความคาดหวังในการนำเสนอประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้กับผู้บริโภค ทำให้มีความต้องการในการใช้เครื่องมือที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เพื่อยืนยันตัวตนบุคคลผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกปลอดภัย ขณะที่ธุรกิจต่างๆ ก็รู้สึกอุ่นใจว่าได้รับการคุ้มครอง

"บทบาทของโซลูชั่นการระบุอัตลักษณ์แบบดิจิทัลจึงทวีความสำคัญขึ้น และประเทศไทย ที่ได้ก่อตั้ง NDID ขึ้น ก็ได้ทำการพัฒนาระบบที่มีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการในประเทศ ID by มาสเตอร์การ์ด เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถใช้งานได้หลายฝ่าย ช่วยให้บุคคลธรรมดาสามารถสร้าง บริหารจัดการ และใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลของตนเองผ่านระบบต่างๆ เครือข่ายดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั่วโลก มีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติเพื่อรองรับการใช้งานในระบบที่แตกต่างกันได้"

7612
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP01 [pr]

7613
RSP ส่ง Converse x Joshua Vides วางจำหน่ายอีกครั้ง หลังกระแสรอบแรกดีเกินคาด [pr]

กระแสความนิยมสำหรับคอลเลคชั่น "Converse x Joshua Vides" เตรียมคืนฟอร์มอีกครั้ง หลังได้รับความนิยมอย่างมากในการเปิดตัวรอบก่อน โดย บริษัท ริชสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้า Converse เตรียมนำสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น รุ่น Converse Chuck 70 กลับมาผลิตและวางจำหน่ายเป็นครั้งที่ 2 หลังรอบก่อนกระแสดีเกินคาด โดย Joshua Vides ศิลปินนักวาดภาพชาวกัวเตมาลา-อเมริกัน วาดลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการใช้ลายเส้น 2 มิติสีขาว-ดำ ผลงานศิลปะเชิงแนวคิดโดดเด่นด้วยกราฟิกในรูปแบบศิลปะป๊อปอาร์ต มาผสมผสานกับ Chuck 70, Weapon CX, Pro Leather รองเท้าผ้าใบในตำนาน โดดเด่นที่ความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่อย่างชัดเจน จับมาแมทชิ่งให้มีสไตล์ ครองใจสายสตรีทแวร์ ที่ต้องมีไว้ในครอบครอง

สำหรับคอลเลคชั่น Converse x Joshua Vides พร้อมเปิดจำหน่ายในวันที่ 10 มี.ค. 2565 นี้ ณ ร้าน Converse สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ และร้าน Carnival, Siwilai และช้อปออนไลน์ผ่านทาง Lazada ติดตามคอลเลคชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Converse, LINE Official Converse TH, LINE ID : @conversethai

CHUCK 70 JOSHUA VIDES HI WHITE/BLACK ราคา 4,500 บาท
PRO LEATHER JOSHUA VIDES OX CREAM/BLACK ราคา 3,500 บาท
WEAPON CX JOSHUA VIDES HI BLACK ราคา 4,700 บาท

7614
EA ปลื้ม! ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับสากล [pr] "The Sustainability Yearbook 2022" ระดับ Member จาก S&P Global ตอกย้ำเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งสถาบันไทยและต่างประเทศ

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์(EA) เฮ! ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 41 บริษัทไทยติดอันดับดัชนีด้านความยั่งยืนระดับสากล "The Sustainability Yearbook 2022" ระดับ Member จัดโดย S&P Global สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ฟาก"อมร ทรัพย์ทวีกุล" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุการได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กรจากผู้ผลิตพลังงานสะอาดสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ EV แบบครบวงจร ปักหมุดปี65โตไม่ต่ำกว่า 20%

นาย อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA เปิดเผยว่า การที่ S&P Global ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มี 41 บริษัทไทยที่ติดอันดับจากบริษัททั่วโลก 716 บริษัท โดย EA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับดัชนีดังกล่าว ในระดับ Member และผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์ และพิจารณาตัดสินใจในการเข้าลงทุน

"บริษัทฯ รู้สึกภาคภูมิใจจากการติดอันดับดัชนีความยั่งยืนในระดับสากล ซึ่งทำให้สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ และในปีนี้ S&P Global เน้นย้ำถึงวิกฤติของปัญหาภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EA มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพทางด้านพลังงานสะอาดและด้านพลังงานไฟฟ้า โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตลอดจนเป็นผู้นำด้านสถานีอัดประจุ เพื่อที่จะยกระดับการเดินทางสมัยใหม่ให้มีความสะดวก สบาย ช่วยลดมลภาวะอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย มีรายได้สูงขึ้น ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้าม Middle income Trap ไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพและมีความยั่งยืน "นายอมรกล่าว

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กร จากการเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ EV แบบครบวงจร ซึ่งในปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากที่ได้ทยอยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเน้นในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับในปี2565 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%โดยมาจากการเติบโตของธุรกิจ EV ทั้งในส่วนของ แบตเตอรี่ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล-พลังงานทดแทน วางเป้าหมายรักษาการเติบโตต่อเนื่อง

7615
ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด [pr] ล่าสุดทะยานกว่า 700 จุด ขานรับความหวังใกล้ปิดฉากสงคราม

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 700 จุด หลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความคืบหน้า ซึ่งจะปูทางให้สงครามในยูเครนยุติลง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับตัวมีเสถึยรภาพ หลังจากที่พุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ และสร้างความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,364.09 จุด บวก 731.45 จุด หรือ 2.24%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาด สวนทางหุ้นพลังงานที่ดิ่งลงเพียงกลุ่มเดียวในวันนี้ สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก

นักลงทุนคาดหวังว่าสงครามในยูเครนใกล้ยุติลง หลังจากมีข่าวว่ายูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ขณะที่รัสเซียเปิดเผยว่าการเจรจากับยูเครนมีความคืบหน้า

ทั้งนี้ ทางการรัสเซียแถลงในวันนี้ว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งกำลังมีความคืบหน้า และรัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"การเจรจาประสบความคืบหน้า" นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าว โดยระบุถึงการเจรจาสันติภาพ 3 รอบระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน

นางซาคาโรวากล่าวว่า รัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะยึดครองยูเครน หรือโค่นล้มรัฐบาลยูเครน

"เป้าหมายของกองทัพไม่ได้ต้องการยึดครองยูเครน หรือทำลายความเป็นรัฐของยูเครน หรือคว่ำรัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน" นางซาคาโรวากล่าว
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียต้องการที่จะเจรจาสันติภาพรอบใหม่กับยูเครน ทันทีที่คณะผู้แทนของยูเครนมีความพร้อม

นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังกล่าวว่า การเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ในวันพรุ่งนี้ที่ตุรกี ถือว่ามีความสำคัญในกระบวนการหารือเพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน

นายอิฮอร์ โซฟวา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน และเป็นผู้ช่วยของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ยูเครนเปิดกว้างที่จะหาทางออกตามแนวทางการทูตเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย

นอกจากนี้ นายโซฟวากล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีพร้อมที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI ร่วงหลุดระดับ 117 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุดระดับ 120 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมระบายน้ำมันออกสู่ตลาดเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในขณะนี้

นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%

7616
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01 [pr]

7619
ช่างปานกุญแจ ยินดีให้บริการ สนใจติดต่อสอบถามได้ครับ 0851088797

7620
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย [pr] 3 ด้าน

เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย 3 ด้าน
ทีมนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST กล่าวว่าวิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคเศรษฐกิจจริง สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ส่งผลให้มาตรการตอบโต้ทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการต่างประเทศ เริ่มขยายวงกว้าง ซึ่งส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวจาก Covid-19 และสร้างความกังวลว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย หากประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการคว่ำบาตรรัสเซีย อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ด้าน ได้แก่

1) ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง - ไม่มาก

-การค้าระหว่างประเทศ: ไทย-รัสเซียมีสัดส่วนที่ไม่สูง ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปรัสเซียคิดเป็น 0.5% และนำเข้าคิดเป็นเพียง 0.4% ของมูลค่ารวม

-การท่องเที่ยว: แม้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในปี 2564 สูงเป็นอันดับที่ 4 แต่คิดเป็นจำนวนไม่มากเพียง 3 หมื่นราย เนื่องจากผลกระทบ Covid-19

2) ผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทานและเงินเฟ้อ - ค่อนข้างรุนแรง

ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน คือการเร่งภาวะเฟ้อที่มาจากด้านต้นทุน (Cost Push Inflation) ให้รุนแรงขึ้น ทั้งจากราคาพลังงานโดยตรง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นที่รัสเซียเป็นผู้ผลิตหลักของโลก ส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่ม TRANS PETRO Packaging CONMAT และ Man.cturing (ผลลบมากกว่าผลบวกจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น)

-ผลกระทบด้านพลังงาน: หากเกิดกรณีชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย (สหรัฐฯส่งสัญญาณยังไม่ปิดโอกาส แต่ยุโรปไม่เห็นด้วย) ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่จะส่งผลให้ Supply ขาดแคลนอย่างเฉียบพลัน

-ผลกระทบต่อต้นทุนภาคอุตสาหกรรม: รัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งแร่โลหะ (metals) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย Palladium ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์ Platinum ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ จิวเวอร์รี่ Nickel ใช้ผลิตแสตนเลส ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการผลิตอุปกรณ์ของใช้ในบ้าน (เช่น เครื่องครัว) อุตสาหกรรมการแพทย์ โครงสร้างพื้นฐาน และยานพาหนะ Copper ใช้ในการก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์ และการขนส่ง

3) ความเสี่ยงจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติ - ปานกลาง

กระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ช่วง ธ.ค. รวมทั้งสิ้นสูงถึงระดับ 8 หมื่นล้านบาท บนมุมมองเชิงบวกแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว การเริ่มเปิดประเทศ ระดับราคาอยู่ในจุดที่ดึงดูด และเป็นช่วงที่ตลาด DM: Developed Market อยู่ในจุดที่ Valuation ตึงตัว อย่างไรก็ตามวิกฤตที่เกิดขึ้นส่งผลให้ภาพดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนไป ตลาดหุ้น DM (S&P500 Stoxx50) ปรับฐานแรงจนกลับไปสู่ระดับเทียบเคียงกับตอนที่เผชิญวิกฤต Covid-19 ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงที่กระแสเงินลงทุนอาจไหลออกจากตลาดหุ้นไทยที่ Outperform สู่ตลาด DM ที่มีส่วนลด

ราคาหุ้นตอบรับเชิงลบไปแล้วพอสมควร และลงมาถึงจุดที่น่าสนใจทยอยสะสม ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันตอบรับความเสี่ยงต่างๆไปแล้วพอสมควร และถึงจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่โดนผลกระทบจำกัด นำโดย Tourism COMM จาก

1) SET Index ล่าสุด (ปิดเช้าวันที่ 8 มี.ค.) ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของปีประมาณ -5.5%                                                                                                                                          

2) Earnings Yield Gap ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดของปี ที่ 3.76%                                                                                   

3) ปัจจุบัน SET ซื้อขายที่ P/E 17 เท่า (EPS 94.2) ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลัง 5 ปี                                              

หน้า: 1 ... 506 507 [508] 509 510 ... 522