แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - kaidee20

หน้า: 1 ... 429 430 [431] 432 433 ... 444
6451
รับเหมาถมดิน ทุกขนาด พื้นที่ ประสพการณ์มากกว่า 10 ปี ติดต่อ 080-022-3804

6452
ภาวะตลาดหุ้นจีน [pr]: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 33.46 จุด กังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นในเอเชียที่พากันร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,447.65 จุด ลดลง 33.46 จุด หรือ -0.96%

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย หลังจากกองกำลังทหารรัสเซียยิงถล่มโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ของยูเครน และล่าสุดได้เข้ายึดโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้แล้ว

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนยังได้รับแรงกดดันจากผลสำรวจซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 จากระดับ 51.4 ในเดือนม.ค. เนื่องจากภาคบริการของจีนได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

6453
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP01 [pr]

6455
อื่นๆ / ปฏิทินคำชะโนด 2565 | เลขเด็ด.com
« เมื่อ: 08 2022-03-08 2022 07:%i:1646698932 »
ปฏิทินคำชะโนด 2565 | เลขเด็ด.com
​​​​​​​ [pr]

6456
บลจ.กรุงศรี เปิดกองลงทุน Private Equity กระจายทั่วโลกขาย IPO [pr]ถึง 14 มี.ค.

นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกล.ไพรเวทอิควิตี้ ?ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFGPE-UI) เสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึง 14 มี.ค. 65 เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มองหาการลงทุนทางเลือกเพื่อศักยภาพการเติบโตจากการเข้าถึงการลงทุนใน Private Equity ชั้นนำที่มีการกระจายการลงทุนหลากหลายธุรกิจและหลากหลายภูมิภาคทั่วโลกเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการร่วมลงทุนและเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่มีศักยภาพเติบโตที่ดี ต้องการระดมทุนเพื่อเตรียมขยายกิจการหรือรองรับสินค้าและบริการที่กำลังเติบโต ซึ่งในอนาคตบริษัทเหล่านี้มีโอกาสจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือขายให้ผู้ถือหุ้นอื่นๆจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

นอกจากนี้ Private Equity ยังมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นในระดับต่ำจึงช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย กองทุน KFGPE-UI ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder GAIA II Global Private Equity Fund ซึ่งบริหารโดย Schroders ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การลงทุนใน Private Equity ยาวนานกว่า 25 ปี

กองทุนหลักจะมีการลงทุนโดยตรงในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และครอบคลุมไปถึงการลงทุนผ่านกองทุน Private Equity ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง โดยเน้นลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจ คือ Healthcare เทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคยุคดิจิตอล การให้บริการภาคธุรกิจ และกลุ่มอุตสาหกรรม

"กองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและเน้นใช้กลยุทธ์ Small-Mid Buyout เพื่อสร้างโอกาสเติบโตไปกับธุรกิจที่มีกระแสเงินสดมั่นคง มีสินค้าและบริการซึ่งเป็นที่ยอมรับ ซึ่งกลยุทธ์ Buyout ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในสหรัฐและยุโรปและใช้ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ Venture capital ที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการเพื่อโอกาสในการสร้างการเติบโต และใช้กลยุทธ์ Growth capital ที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่อยู่ในช่วงเติบโตและมีความต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายกิจการ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในเอเชีย โดยเป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตจากโครงสร้างประชากร รวมถึงธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศนอกจากนี้กองทุนหลักยังมีการผสมผสานปัจจัยด้าน ESG เข้ามาในกระบวนการลงทุนอีกด้วย"
อีกหนึ่งจุดเด่นของกองทุน KFGPE-UI คือการปลดล็อคข้อจำกัดด้านสภาพคล่องโดยไม่มีกำหนดด้านระยะเวลาถือครอง ซึ่งต่างจาก Private Equity แบบดั้งเดิม และหลังจากช่วง IPO แล้ว จะเปิดให้สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มได้เป็นรายเดือนและขายคืนได้เป็นรายไตรมาส โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายถือครองเงินสดประมาณ 10-20%เพื่อรองรับสภาพคล่องการซื้อขายและสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างธุรกิจที่กองทุนหลักลงทุน เช่น POP MART ซึ่งเป็นบริษัทผลิต Art Toy อันดับ 1 ในจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และ ]init[ เป็นบริษัทชั้นนำในเยอรมันที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital transformation โดยเน้นให้บริการกับภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ Digital communication, IT Services และ Hosting และ Archimed เป็นนักลงทุนด้าน Healthcare ในยุโรปที่เน้นลงทุนในธุรกิจด้านบริการทางการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยโรค อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ และสุขภาพของผู้บริโภคเป็นต้น (ที่มา : Schroders Capital ปี 2565)

"กองทุน KFGPE-UIถือเป็นทางเลือกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของ กลต.ได้ร่วมลงทุนใน Private Equity ไปพร้อมกับนักลงทุนสถาบัน เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท" นางสุภาพร กล่าว

6457

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต [pr]องค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่ระดับ "AA" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "AA" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปชำระคืนหุ้นกู้และเงินกู้ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทย ตลอดจนผลงานในการบริหารศูนย์การค้าคุณภาพสูง และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการตามสัญญา นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2565-2567 รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังดำเนินอยู่ซึ่งยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอุปสงค์ของพื้นที่ค้าปลีกอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้าเอาไว้ได้แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ยังไม่สิ้นสุดก็ตาม หลังจากซื้อกิจการของ บมจ. สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) แล้ว บริษัทมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็น 2.3 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) โดยคอมมูนิตี้มอลล์ทั้ง 18 แห่งและศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก 1 แห่งของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ช่วยเสริมความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทยให้แข็งแกร่งและครอบคลุมมากขึ้น

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทบริหารศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์รวม 55 แห่ง โดย 33 แห่งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ 21 แห่งอยู่ในเขตต่างจังหวัด 1 แห่งอยู่ในประเทศมาเลเซีย และบริษัทยังมีพื้นที่ค้าปลีกซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ บมจ. แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GRAND) อีกด้วย ทั้งนี้ สถานะผู้นำของบริษัทเกิดจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากถึง 22% ของพื้นที่ค้าปลีกทั่วประเทศและมีอัตราการเช่าที่สูงเกินกว่า 90% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลายระลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการปิดศูนย์การค้าตามคำสั่งของภาครัฐตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2564 บริษัทให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าตามระยะเวลาที่ได้รับผลกระทบตลอดปี 2564 ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานรวมลดลง 31% จากปี 2562 เหลือ 2.62 หมื่นล้านบาทในปี 2564 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 21% จากระดับก่อนการแพร่ระบาดเหลือ 1.77 หมื่นล้านบาทในปี 2564

ทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าตลอดปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 75%-85% ของระดับก่อนการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่น้อยลงและการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 ทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบต่อไปอีกตลอดปี 2565 และคาดว่าค่าเช่าน่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ 3% ในปี 2566 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวน 1-3 แห่งต่อปีตลอดช่วงเวลาประมาณการ โดยคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 90%

ทั้งนี้ ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมจากทุกธุรกิจของบริษัทจะเท่ากับ 2.8-3.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567 โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่า EBITDA ซึ่งรวมกำไรจากการให้เช่าสินทรัพย์แก่ทรัสต์ฯ ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.9-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2565-2567 โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 27% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมตลอดช่วงเวลาประมาณการ

ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนสำหรับทุกธุรกิจประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถลดหนี้ได้ตามแผนแม้ว่าการซื้อกิจการของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์จะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ทั้งจำนวน โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถจำหน่ายศูนย์การค้าทั้ง 2 แห่งของบริษัทให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ในช่วงปลายปี 2565 และให้เช่าสินทรัพย์แก่ทรัสต์ฯ เพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายและให้เช่าสินทรัพย์ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 2.0-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2565-2566 นั้นน่าจะช่วยลดภาระหนี้เงินกู้ของบริษัทลงได้บางส่วน ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4.5 เท่าตลอดช่วงประมาณการและรักษาอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายให้อยู่ที่ระดับประมาณ 8 เท่าเอาไว้ได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจะมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 3.3 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหนี้ระยะสั้นจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจำนวน 6.1 พันล้านบาท หุ้นกู้จำนวน 6 พันล้านบาท และหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 2.8 พันล้านบาท

โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้งบลงทุนจำนวน 2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดจำนวน 3.1 พันล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 2.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่สามารถยกเลิกได้อีกจำนวน 1.16 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 2565 บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ปลอดภาระค้ำประกันซึ่งมีมูลค่าตามบัญชีจำนวนประมาณ 1.65 แสนล้านบาทที่สามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอเงินกู้จากธนาคารในกรณีที่จำเป็นได้อีกด้วย

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน 5.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ที่ระดับเพียง 2% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 35% ตาม "เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า" ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจึงพิจารณาว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใดเมื่อพิจารณาจากลำดับชั้นในการได้รับคืนเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามประมาณการแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น แต่ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4.5 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาสถานะความเป็นผู้นำทางธุรกิจเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

 

6458
เครื่องตัดเม็ดพลาสติก [pr] นำเข้าจากต่างประเทศ

เครื่องตัดเม็ดพลาสติกเป็นเครื่องจักรประเภท Extruder หรือเครื่องจักรประเภทรีดพลาสติกให้ออกมาเป็นเส้น ถ้าเครื่องจักรประเภทนี้เราจะเรียกว่า Extrution machine วัตถุดิบที่ใช้สำหรับการทำงานกับเครื่องจักรตัวนี้คือ PVC PP PS ABS ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าลูกค้าต้องการอะไร

เครื่องตัดเม็ดพลาสติกมีกี่แบบกี่ประเภท?
เครื่องตัดเม็ดพลาสติก [pr]มีทั้งหมด 2 ประเภท ทั้ง 2 ประเภทนี้มีความต่างกันและทำหน้าที่ต่างกัน แต่ก็อย่างที่ผมบอกว่าขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าตัววัตถุดิบของลูกค้าเป็นแบบไหน ถ้าวัตถุดิบของลูกค้าเป็น ABS PP หรือพลาสติกจำพวกอื่นที่มีความเหนียว ลูกค้าต้องใช้แบบ Single Screw แต่ถ้าวัตถุดิบของลูกค้าเป็น PVC หรือพลาสติกที่ไม่มีความเหนียว ลูกค้าสมควรใช้แบบ Twin Screw


ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 081-2079977 , 081-6428557 (คุณสมนึก)
Line ID : 0812079977
เรียบเรียงข้อมูลโดย : https://www.cctgroup.co.th [pr] 

6459
สนใจ สอบถาม ดูได้ที่เวปไซต๋
www.manaok.com [pr]

6460
ภาวะตลาดหุ้นออสเตรเลีย [pr]: S&P/ASX 200 ปิดลบ 40.60 จุด กังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากกองกำลังทหารรัสเซียยิงถล่มโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครน

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,110.80 จุด ลดลง 40.60 จุด หรือ -0.57% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,395.30 จุด ลดลง 51.50 จุด หรือ -0.69%

รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังทหารของรัสเซียบุกโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครน และส่งผลให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งส่งผลให้หลายฝ่ายวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย รวมทั้งวิตกว่าปฏิบัติการรุกรานยูเครนภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น

"หากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียระเบิด มันจะใหญ่กว่าเชอร์โนบิล 10 เท่า" นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนกล่าว โดยเขาระบุถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลของยูเครนในปี 2529 ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติด้านนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนถูกปิดลงอย่างปลอดภัย และไม่พบสารกัมมันตรังสีรั่วไหล

6461
DITP ชวนแบรนด์ไทย [pr]ก้าวสู่การเป็น BCG Heroes ในระดับสากลกับ Idea Lab รุ่น 5

สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัด กิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย รุ่นที่ 5 ภายใต้แนวคิด "Local Brand Building for Global Market" เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบการและธุรกิจ โดยยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากตามรูปแบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ BCG Heroes มีความพร้อมในการก้าวสู่ระดับสากล เติบในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

จึงขอเชิญผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านโครงการส่งเสริมนวัตกรรมหรือพัฒนาสินค้าจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ และมีการสร้างแบรนด์เป็นของตนเอง เป็นสินค้าที่มีอัตลักษณ์ และมีช่องทางการจัดจำหน่าย ใน 3 กลุ่มสินค้าได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตร - อาหาร (Food Lab) กลุ่มสินค้าสุขภาพ - ความงาม (Health & Wellness Lab) และกลุ่มสินค้าหัตถกรรม - ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle & Craft Lab) เข้าร่วมกิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทยรุ่นที่ 5 โดยมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำมากมาย อาทิ นายสมชนะ กังวารจิตต์ ผู้ก่อตั้ง Prompt Design, นายณฑัต ณ สงขลา ผู้ก่อตั้ง The Double Rabbits Creation Agency และนายทรงพล เนรกัณฐี นักรังสรรค์ แบรนด์และนักการตลาดเชิงกลยุทธ์ ร่วมกับวิทยากรในสาขาต่างๆ ที่มีประสบการณ์สูงและได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับในปีนี้ DITP ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 กิจกรรมสัมมนาเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อรับความรู้รอบด้านเรื่องการสร้างแบรนด์และเพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับตัวสู่การดำเนินธุรกิจในยุค Next Normal รูปแบบที่ 2 กิจกรรมสัมมนาเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์ และการจัดทำกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เฉพาะราย ในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิงลึกเพื่อพัฒนาคู่มือการสร้างแบรนด์ (Brand Bible) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และหลังจากจบโครงการยังมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ที่จัดโดย DITP และหน่วยงานพันธมิตรเพื่อต่อยอดแบรนด์ต่อไป

6462
สศอ.ชูไทยเป็นฮับอุตฯไบโอรีไฟเนอรี่ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร [pr]ไทยตาม BCG Model

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไบโอรีไฟเนอรี่ (Biorefinery) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องกับ BCG Model ของรัฐบาล สร้างโอกาสลงทุนผู้ประกอบการไทย รับความต้องการของตลาดโลกที่มีแนวโน้มแตะ 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอีก 10 ปีข้างหน้า

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ได้ดำเนินโครงการศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไบโอรีไฟเนอรี่ (Biorefinery) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมทั้ง 3 มิติ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG Model ที่ภาครัฐให้การส่งเสริมสนับสนุนและมุ่งหน้าขับเคลื่อนเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

โดยมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างและรูปแบบการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตจากภาคการเกษตรเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต โดยเฉพาะพืชที่มีความสำคัญต่อภาคการเกษตรและความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทย เช่น อ้อย มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะต้องสร้างให้เกิดความเชื่อมโยงของกระบวนการผลิตที่จำเป็นต่อการเพิ่มผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ในระยะยาวเข้าด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้แนวคิดของระบบไบโอรีไฟเนอรี่ (Biorefinery) ร่วมกับการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่า ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bioeconomy) และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy)

ทั้งนี้แนวทางการพัฒนาดังกล่าวจะสามารถช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศจากอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปและผลิตผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพที่มีมูลค่าสูง อันจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาของสินค้าเกษตรภายในประเทศ เพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของสังคมไทย ลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มและขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

ผลการศึกษาโครงการพบว่าผลิตภัณฑ์ชีวภาพเป้าหมายที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่สุดและควรที่จะพัฒนาเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมไบโอรีไฟเนอรี่ ได้แก่ 1) กรดอะมิโน ที่ใช้เป็นอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ เช่น ทริโอนีน ทริพโทฟาน และไลซีน จากพืชที่ให้แป้งและน้ำตาลอย่างอ้อยและมันสำปะหลัง และ 2) น้ำมันหล่อลื่นชีวภาพ (Biolubricant) จากพืชที่ให้น้ำมันอย่างปาล์มน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในระดับรองลงมา ได้แก่ น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (BioTransformer oil) เมทิลเอสเทอร์ซัลโฟเนต (MES) และผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพอย่าง Bio Hydrogenated Diesel หรือ Green Diesel ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง มีแนวโน้มความต้องการและการเติบโตในตลาดโลกสูง รวมถึงมีราคาต่อหน่วยสูง ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสของภาครัฐและผู้ประกอบการไทยที่จะส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนหรือเอื้อให้เกิดการร่วมทุน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวและขยายผลในเชิงพาณิชย์

สำหรับมูลค่าผลิตภัณฑ์ไบโอรีไฟเนอรี่ในตลาดโลก คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9.41 ต่อปี ในช่วงปี 2561 - 2573 โดยในปี 2564 นั้น ผลิตภัณฑ์ไบโอรีไฟเนอรี่มีมูลค่า 670,840 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี 2573 คาดว่าผลิตภัณฑ์ไบโอรีไฟเนอรี่จะมีมูลค่าสูงถึง 1,734,510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของมูลค่าตลาดเทคโนโลยีการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมไบโอรีไฟเนอรี่ ที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10.43 ต่อปี ในช่วงดังกล่าว

6463
รับเหมาถมดิน ทุกขนาด พื้นที่ ประสพการณ์มากกว่า 10 ปี ติดต่อ 080-022-3804

6465
อื่นๆ / ปฏิทินคำชะโนด 2565 | เลขเด็ด.com
« เมื่อ: 07 2022-03-07 2022 08:%i:1646615737 »
ปฏิทินคำชะโนด 2565 | เลขเด็ด.com
​​​​​​​ [pr]

หน้า: 1 ... 429 430 [431] 432 433 ... 444