รับทำ SEONo1 ทำ SEO ติดอันดับจริง ผลงานเพียบ

ขายส่งเสื้อซ้อมกีฬา | ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.com
[pr]

กลับมาดัน ขอบคุณมากครับผม กับใจความดีๆ

บมจ.เอ็ม บีเค (MBK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้พิจารณาอนุมัติการลดทุนและการเพิ่มทุน [pr] โดยจะการลดทุนจดทะเบียนจากเดิม 2,405,583,548 บาท เป็น 1,905,583,548 บาท ด้วยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย จากการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 500,000,000 หุ้น จากนั้นให้เพิ่มทุนเป็น 2,485,641,029 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ จำนวน 580,057,481 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท

บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป(General Mandate) จำนวน 500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และ จัดสรรจำนวนไม่เกิน 80,057,481 หุ้น รองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซือหุ้นสามัญของบริษัท MBK-W4 และรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ MBK-W1, MBK-W2 และ MBK-W3

ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหรือจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 4 (MBK-W4) จำนวนไม่เกิน 76,220,769 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการจัดสรรเท่ากับ 25 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุใบสำคัญแสดงสิทธิไม่เกิน 3 ปี อัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น ที่ราคา 3 บาท ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีรายชื่อในวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเสนอการขายหรือจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ MBK-W4 (Record Date) วันที่ 28 มี.ค.65

เอ็กซ์โทเมียร์   คอลลาเจน  สั่งซื้อสินค้าได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
https://www.affmarket1.com/X-Tomere.html [pr]

บริการสั่งอาหารตามสั่งและเครื่องดื่ม ครัวบ้านยาย ผ่าน GrabFood ได้แล้ว
- สั่งเมนูโปรดของคุณได้ง่ายๆ ผ่าน ...
http://bit.ly/3IVdkQY [pr]

ตลาดหุ้นไทย [pr]: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงตามตปท.กังวลสถานการณ์ยูเครนยืดเยื้อแต่น้ำมันช่วยพยุง

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวลงได้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้น

แต่มองว่าดัชนีอาจจะแกว่งตัวลงได้ไม่ลึกมาก ซึ่งมาจากแรงหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ช่วยพยุงไว้ หลังราคาน้ำมันดิบปรับ ตัวเพิ่มขึ้นและกลับมายืนเหนือระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยของรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่อาจจะทำให้ตลาดมีครามผันผวนได้

โดยให้แนวต้าน 1,700-1,705 จุด แนวรับ 1,675-1,680 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,294.95 จุด ร่วงลง 597.65 จุด หรือ -1.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,306.26 จุด ลดลง 67.68 จุด หรือ -1.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,532.46 จุด ร่วงลง 218.94 จุด หรือ -1.59%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด ร่วงลง 312.52 จุด หรือ -1.16%, ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.54 จุด หรือ -0.30% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 193.35 จุด หรือ -0.85%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มี.ค.) ที่ระดับ 1,694.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.10 จุด, +0.54%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,901.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มี.ค.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มี.ค.) พุ่งขึ้น 7.69 ดอลลาร์ หรือ 8% ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2557 และเป็นการพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.) อยู่ที่ 7.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 32.74 กลับมาอ่อนค่าจากวานนี้ แนวโน้มผันผวน ให้กรอบ 32.60-32.85
"นายกฯ" ย้ำทางออกวิกฤติ "รัสเซีย-ยูเครน" ยึดกลไกอาเซียนหนุนเจรจายุติสงคราม ระบุท่าทีไทยต้องรักษาสมดุล เตรียมมาตรการ 3 ระดับ รับมือผลพวงเศรษฐกิจ "สรท." ห่วงฉุดกระทบส่งออกไตรมาส 2 แนะผู้ส่งออกประกันเสี่ยง ก่อนผลิต-ส่งมอบสินค้า หลังรัสเซียถูกตัด SWIFT เร่งหารือ "พาณิชย์" เจรจาจีนเปิดเส้นทางรถไฟส่งสินค้าไปเอเชียกลาง ยุโรปลดต้นทุนขนส่ง "รัสเซีย" ยังโจมตียูเครนหนัก
ตลท.ชี้สินทรัพย์ดิจิทัลเทรดสนั่นทั่วโลกซื้อขายทะลุ 2.6 ล้านล้านบาท แนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เชื่ออนาคต ตลาดหุ้นไทยไม่หาย พร้อมพัฒนา แพลตฟอร์มกลางเชื่อม 2 ตลาด อำนวยความสะดวกผู้ระดมทุน-ผู้ลงทุน ผลักดัน ขึ้นระดับโลก เคาะกระดาน"ทีดีเอ็กซ์" ไตรมาส 3 ด้าน "คลาวด์เซค" แนะลงทุนคริปโทฯ ให้ปลอดภัย ต้องให้ความสำคัญ "ไซเบอร์ ซิเคียวริตี้" เผยสถิติปี 64 เสียหายจากการแฮกกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
กลุ่ม ปตท.ลงทุน 5 ปีกว่า 9.4 แสนล้านดันสัดส่วนรายได้ธุรกิจใหม่ 30% จากปัจจุบันเกือบ 5% ในปี 2573 มองราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้ 81-86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ย้ำ "รัสเซีย-ยูเครน" ไม่กระทบนำเข้าพลังงาน พร้อมลุยโรงงานผลิตอีวี ผลิตขายปี 2567 ปลื้มยอดเช่ารถอีวีพุ่ง เล็งเพิ่มรถปีนี้ 500 คัน คาดผลการดำเนินงานปีนี้รายได้เติบโตกว่าปี 64 จากราคาน้ำมันดิบพุ่ง
ตลาดเงินประเมิน วิกฤติ "รัสเซีย-ยูเครน" กระทบตลาดเงินในวงจำกัด รวมถึงไม่กระทบเชิงเศรษฐกิจ เหตุสัดส่วนการค้ารัสเซียน้อย ภาคท่องเที่ยวยังเจอโควิด-19 กดดัน แนะติดตามการตอบโต้ระยะต่อไป จะยืดเยื้อหรือไม่
สงครามรัสเซีย-ยูเครนดันน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญ เงินชดเชยน้ำมันดีเซลไหลออกไม่หยุด กระทรวงการคลัง "โยก" เงินภาษีสรรพสามิตช่วยลดราคาดีเซล อีก 1 บาท ด้านบอร์ดกองทุนน้ำมันฯ ชี้ สตง.รับรองงบดุลเรียบร้อย พร้อมทำหนังสือเชิญแบงก์ยื่นข้อเสนอปล่อยกู้เงิน 2 หมื่นล้านใน 2 เดือน ย้ำยังมีสภาพคล่อง ตรึงดีเซล 30 บาทต่อได้
ธปท.อัพเดตยอด "พักทรัพย์ พักหนี้" ล่าสุดเข้าโครงการ 288 ราย วงเงินสินเชื่อเฉียด 4 หมื่นล้านบาท เผยมีทั้ง "โรงแรม-โรงพยาบาล-โรงงาน-สปา-ร้านอาหาร" คาดแนวโน้มเข้าโครงการไม่เพิ่มมาก หลังมีสัญญาณธุรกิจทยอยฟ้นตัว หนุนผู้ประกอบการเปลี่ยนใจไม่แช่แข็งหนี้ "กสิกรไทย" แจงมีลูกค้าเข้าโครงการแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท ระบุปีนี้โรงแรมขนาด 200-300 ล้านบาทยังสนใจเข้าร่วม
*หุ้นเด่นวันนี้

BEC (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 18.50 บาท รายได้โฆษณากลับมาเติบโตรับ Rating รายการโหนกระแสที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง คาดจะสามารถปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้-ฝั่งลูกค้าพร้อมเข้า Outlook ปี 65 สดใส การใช้จ่ายเงินโฆษณาของเอกชนทุกแห่งมีแนวโน้มเพิ่ม YoY การเปิดเมืองหนุนให้กองถ่ายกลับมาถ่ายทำละครและ Series ได้มากขึ้น ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 865 ลบ. และ 1,116 ลบ. +14%YoY, +29%YoY ตามลำดับ
ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้าหมาย 15 บาท วานนี้แถลงแผนการเติบโตแบบ Multiverse ทั้งธุรกิจอสังหาฯเดิม ควบคู่การขยายธุรกิจใหม่ทั้ง Logistic Healthcare ประกันภัย พลังงาน และอื่นๆ และตั้งเป้า Market Cap รวมมากกว่า 1 แสนลบ.ภายในปี 68 สอดคล้องมุมมองของเราที่มอง ORI เป็นมากกว่าบริษัทอสังหาฯในระยะยาว เป้าหมายปี 65 Aggressive สะท้อนความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมที่แข็งแรง เตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 4.2 หมื่นลบ. +137% Y-Y Presales 3.5 หมื่นลบ. +16% Y-Y และเป้ารายได้ 1.75 หมื่นลบ. +10% Y-Y เราคาดกำไรปี 2565 +35% Y-Y

TRT รุกทำตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมวางเป้ายอดขายปีแรก [pr]กว่า 200 ลบ.

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ถิรไทย (TRT) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายยอดขายแบตเตอรี่ลิเธียมในปี 65 เป็นแรกกว่า 200 ล้านบาท หลังจากเริ่มขยายตลาดในกลุ่ม NON-Transformer มากยิ่งขึ้น

ประเดิมต้นปีจากการที่ บริษัท บียอนด์ กรีน จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย สั่งซื้อ "Lithium Battery : 48V 75Ah 1 box BMS 200A with 12V power port and coulomb indiator" พร้อมอุปกรณ์ Charger 54.75V 15A และถาดรองแบตเตอร์รี่ จำนวน 2.88 MWh เพื่อใช้สำหรับรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ หรือรถกอล์ฟ พร้อมกันนั้น บริษัทได้แต่งตั้งให้ บียอนด์ กรีน เป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับรถอเนกประสงค์ให้กับ TRT แต่เพียงผู้เดียว

ส่วนผลประกอบการในปี 64 ซึ่งได้รับการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 72.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.70 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 11.91 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 1,819.85 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 536.49 ล้านบาท คิดเป็น 22.77% เนื่องจาก บริษัทส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าลดลง และมีรายได้จากการบริการ 146.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.75 ล้านบาท คิดเป็น 18.31% เนื่องจากรายได้บริการหม้อแปลงของบริษัทเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้างจากการดำเนินการของบริษัทย่อย 54.51 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3.77 ล้านบาท คิดเป็น 6.48% เนื่องจากบริษัทย่อยมีงานสัญญาก่อสร้างลดลง และบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 21.93% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 16.79% เนื่องจากในปี 64 มีการส่งมอบสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงกว่าปี 63

 

วีซ่า เผยเกือบเก้าในสิบของคนไทยกำลังก้าวสู่ชีวิตแบบไร้เงินสด [pr]

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ว่าเกือบเก้าในสิบของคนไทยเลือกใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแบบไร้เงินสด โดยเกือบครึ่ง (43 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ที่พยายามใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดสามารถอยู่ได้มากกว่าหนึ่งสัปดาห์โดยไม่ต้องพึ่งเงินสด

โดย 79 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มที่ไม่เคยใช้จ่ายแบบไร้เงินสด บอกว่า พวกเขารู้สึกมั่นใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้ในช่วง 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องใช้เงินสด ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 11 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผลการศึกษาในปีที่ผ่านมา

สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "เมื่อดูผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งก่อนหน้า เราเห็นว่าตัวแปรหนึ่งที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยให้พึ่งพาเงินสดน้อยลง และก่อให้เกิดทัศนคติที่ดียิ่งขึ้นต่อการใช้จ่ายเงินในรูปแบบดิจิทัลคือสถานการณ์โรคระบาด อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาในปีนี้และการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหลากหลายอุตสาหกรรม เราเห็นชัดเจนขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มกลายเป็นพฤติกรรมที่ผู้บริโภคเลือกที่จะทำด้วยตนเอง มากกว่าที่จะถูกผลักดันจากปัจจัยภายนอก ซึ่งหมายความว่ากระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้จะถาวรและยั่งยืนมากขึ้น"

การศึกษาพบว่า มากกว่าสามในห้า (61 เปอร์เซ็นต์) ของผู้บริโภคชาวไทยบอกว่าพวกเขาถือเงินสดน้อยลงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักสามประการที่ทำให้พวกเขาลดการใช้จ่ายด้วยเงินสด ได้แก่ การเลือกชำระแบบดิจิทัลมากขึ้น (77 เปอร์เซ็นต์) ความกังวลเรื่องการติดต่อของโรคระบาดผ่านการถือเงินสด (54 เปอร์เซ็นต์) และพวกเขาพบว่าจำนวนร้านค้าที่รับชำระแบบดิจิทัลมีเพิ่มมากขึ้น (45 เปอร์เซ็นต์)

โดยหมวดร้านค้าห้าอันดับแรกที่ผู้บริโภคชาวไทยเห็นว่าจะดำเนินการแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ (67 เปอร์เซ็นต์) ชำระค่าบริการจ่ายบิล (64 เปอร์เซ็นต์) ซูเปอร์มาร์เก็ต (62 เปอร์เซ็นต์) ระบบขนส่งสาธารณะ (56 เปอร์เซ็นต์) และร้านขายอาหารและร้านอาหารแบบนั่งทานในร้าน (55 เปอร์เซ็นต์)

การชำระเงินแบบไร้สัมผัสหรือคอนแทคเลส ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคใช้จ่ายได้อย่างง่ายดายเพียงแตะบัตรชำระเงิน หรือสมาร์ทโฟนที่จุดรับชำระ พร้อมมอบประสบการณ์ในการใช้จ่ายที่เหนือกว่าให้กับผู้ใช้ทั้งความรวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบาย ระบบชำระเงินแบบคอนแทคเลสกำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นในการใช้ชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าปลีกทางกายภาพและการเดินทาง ในปัจจุบันผู้โดยสารผ่านระบบขนส่งในกรุงเทพฯ สามารถใช้บัตรเครดิตแบบคอนแทคเลสชำระค่าบริการได้แล้วที่รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง รวมถึงรถประจำทาง เรือไฟฟ้า และทางพิเศษโทลเวย์

จากการศึกษายังพบอีกว่า เกือบเก้าในสิบของผู้ตอบแบบสอบถาม (87 เปอร์เซ็นต์) มีการรับรู้เกี่ยวกับบัตรคอนแทคเลส โดยในกลุ่มของผู้ที่ยังไม่เคยใช้งานจำนวน 86 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า พวกเขาสนใจการชำระเงินรูปแบบนี้

"วีซ่ามุ่งสร้างสรรค์เพื่อสร้างหนทางให้ทุกคนในทุกที่มีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัล เราหวังว่าข้อมูลจากการศึกษาครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจในประเทศไทยฟื้นตัว และเจริญเติบโตต่อไปได้ รวมทั้งยังช่วยปลดล็อคให้กับผู้ประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายย่อย" สุริพงษ์ กล่าวสรุป