แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Prichas

หน้า: 1 ... 555 556 [557] 558 559 ... 587
8341
ฝากด้วยค่าาาา

8342
บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งเหนือ 2.41% ทำนิวไฮเกือบ 3 ปี ก่อนชะลอตัวลง

อัตราผลตอบแทน [pr]พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.41% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ก่อนที่จะชะลอตัวลง

ณ เวลา 22.40 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.372% หลังพุ่งแตะระดับ 2.417% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2562 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.59%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง

นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ดี นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และเป็นผู้นำคณะเจรจาของยูเครน กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังเผชิญความยากลำบากอย่างมาก

"เรายังคงเจรจาผ่านระบบออนไลน์ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝ่ายยูเครนมีจุดยืนและหลักการที่ชัดเจน" นายโปโดลยักกล่าว
ทางด้านรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการเจรจา และระบุว่าสหรัฐกำลังพยายามทำให้รัสเซียและยูเครนอยู่ในสถานะสงครามให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้ การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่ประสบความคืบหน้าใดๆ แม้ก่อนหน้านี้มีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามในข้อตกลงหยุดยิง

8343
กรุงศรีเดินหน้าหนุน SME [pr] ต่อเนื่อง ให้ก้าวผ่านสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมชูเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2565 ยังคงเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME มุ่งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในทุกการก้าวผ่านสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า SME ผ่าน 3R ได้แก่ Resilient, Respond และ Rebuild for the Future โดยเน้นพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม อีกทั้งเดินหน้าเชื่อมต่ออาเซียนสร้างโอกาสธุรกิจเพื่อลูกค้า พร้อมเป็นพันธมิตรที่ลูกค้า SME ไว้วางใจ

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า "ในปี 2564 กลุ่มธุรกิจลูกค้า SME ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง ยอดสินเชื่อในธุรกิจ SME เติบโตกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นยอดสินเชื่อกว่า 280,000 ล้านบาท ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 กรุงศรีได้ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจ SME ขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบผ่านมาตรการเชิงรุกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เราได้ช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วกว่า 37,000 ราย เป็นยอดสินเชื่อรวมกว่า 180,000 ล้านบาท และเรายังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้า SME ของเราต่อไปให้สามารถฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ อีกทั้งเสริมช่องทางโอกาสธุรกิจและข้อมูลความรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจให้กับลูกค้าอยู่เสมอ"

สำหรับปี 2565 นี้ กรุงศรียังคงเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME ภายใต้แผนกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า SME ผ่าน 3R ได้แก่ Resilient, Respond และ Rebuild for the Future

Resilient: มุ่งช่วยให้ธุรกิจลูกค้าฟื้นตัว โดยแบ่งการดูแลลูกค้าออกตามกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่างๆ ซึ่งในกลุ่มที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จะมีผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของธนาคาร (Relationship Manager) ดูแลอย่างใกล้ชิด และมีมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยสนับสนุนฟื้นฟูธุรกิจของลูกค้า และสำหรับกลุ่มที่พร้อมจะเติบโต ในวันที่เศรษฐกิจของไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น กรุงศรีก็พร้อมสนับสนุนสินเชื่อหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีการจัดการดูแลลูกค้าตามกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละธุรกิจอีกด้วย
Respond: มุ่งตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของธนาคารจะเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านการเงิน แนะนำโซลูชั่นที่เหมาะสมให้กับลูกค้า และเพิ่มมูลค่าแก่ลูกค้าด้วยการแบ่งปันข้อมูล ความรู้ ทักษะใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้า
Rebuild for the Future: มุ่งช่วยให้ธุรกิจลูกค้าเติบโตในอนาคต โดยกรุงศรีร่วมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตไปด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 3 แนวทางหลักที่สอดคล้องไปกับทิศทางของกรุงศรีในการดูแลลูกค้าของธนาคาร อันได้แก่ ASEAN Connectivity หรือการเชื่อมโยงอาเซียน โดยประสานความร่วมมือกับ MUFG และเครือข่ายมาเสริมความแข็งแกร่งในการช่วยลูกค้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในด้านการขยายบริการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าผ่านทางกิจกรรมต่างๆ ทั้งงานสัมมนา หรือการจับคู่ธุรกิจ, Trusted Partner หรือการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ พัฒนา Ecosystem ให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมพัฒนานวัตกรรมทางการเงินด้าน ESG อาทิ สินเชื่อโซลาร์รูฟสำหรับผู้ประกอบการ และ Digital & Innovation หรือการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลและนวัตกรรม
"ในส่วนของ Digital & Innovation ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของกลุ่มธุรกิจ SME ในปีนี้ โดยมี 4 ผลิตภัณฑ์และบริการหลักที่เรามุ่งเน้น คือ 1. Krungsri Digital Supply Chain Solution คือ โซลูชั่นเพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม Supply Chain และช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ 2. Krungsri Biz Online หรือที่รู้จักกันในชื่อ KBOL ดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ของธุรกิจ โดยในปีนี้ KBOL ยังจะพัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าธุรกิจของธนาคารกรุงศรี 3. "Krungsri iPro" นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการเปิดบัญชีนิติบุคคลในยุคดิจิทัล ให้ลูกค้า SME ก้าวข้ามความยุ่งยากแบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกลูกค้า ลดขั้นตอนด้านเอกสาร สามารถนัดหมายวันเวลาเพื่อเปิดบัญชีได้ที่ออฟฟิศของลูกค้า พร้อมเปิดใช้งานบัญชีได้ทันที และ 4. "Krungsri Business Link" แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะดวกและน่าเชื่อถือด้วยการคัดกรองคู่ค้าจากกรุงศรีและพันธมิตร"

"ปีนี้ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างยิ่ง ธุรกิจต้องปรับตัวรับสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ และมีความ Resilience พร้อมลุกขึ้นเพื่อก้าวผ่านในทุกวิกฤต อีกทั้งหาหนทางเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจโดยเฉพาะยุคดิจิทัลนี้ ธนาคารพร้อมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ ความรู้ และโอกาสธุรกิจ โดยนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้า SME สามารถก้าวผ่านและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ในปี 2565 เรายังคงตั้งเป้าสินเชื่อของ SME ให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเราตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธุรกิจ SME ในปีนี้ อยู่ที่ 2.5%" นางสาวดวงกมลกล่าวปิดท้าย

8344
รับโพสเว็บบอร์ด ราคาถูก พร้อม report
รับลงประกาศขายหรือให้เช่า บ้าน, ที่ดิน, คอนโด, อาคารพาณิชย์, ทาวน์เฮ้าส์ หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ

8345
   รับโพสต์อสังหา  อันดับ1 สร้างโอกาสการขายที่ดีกว่ามาก ถูกที่สุด รั

8346
สั่งซื้อสินค้าได้ที่
Official Website : https://www.yslbeautyth.com [pr]

8347
BLP Balance P
สอบถาม LINE: @balances

8349
ติดต่อสอบถามได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP160201 [pr]

8350
WP มั่นใจธุรกิจปี 65 สดใส ปักหมุดรายได้โต [pr] 5% ลุยต่อยอดธุรกิจ LPG ครบสูตร ดันยอดขายแตะ 7.65 แสนตัน

บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ประเมินภาพรวมธุรกิจปีนี้สดใส ผลจากธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ส่งสัญญาณดีจากปริมาณความต้องการใช้เพิ่มขึ้น คาดยอดขายปีนี้แตะระดับ 7.65 แสนตัน ลุยสร้างแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เล็งขยายเครือข่ายผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย ตั้งเป้า 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป หวังมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์ ฟากซีอีโอ "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ตั้งเป้ารายได้ปี65 โตไม่ต่ำกว่า 5% เดินหน้าต่อยอดธุรกิจใหม่ เผยรัฐบาลเตรียมขยับราคาก๊าซหุงต้ม LPG แบบขั้นบันได เริ่มวันที่ 1 เม.ย.นี้

นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) WP เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2564 หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจ LPG ยังเป็นรายได้หลัก โดยมมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ LPG 98%

พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตเลียมเหลว (LPG) เพิ่มเป็น 765,000 ตัน จากปี 2564 ที่มียอดขายเท่ากับ 700,000 ตัน แบ่งเป็นขายภายในประเทศ 740,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.5% และส่งออก 25,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 3.5%

สำหรับกลยุทธ์หลักที่สร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทฯ ปีนี้เน้นสร้างแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เป็นแบรนด์หลักในการสร้างรายได้ โดยจะขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผ่านการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้า ได้กว้างขวาง และครอบคลุมมากขึ้นทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C

ในส่วนของธุรกิจโรงซ่อมถังหรือบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้มที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุน และควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการซ่อมอยู่ที่ประมาณ 4.3 แสนใบต่อปี ในส่วนของการส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัทได้มองถึงการ Trading LPG ในภูมิภาคในปริมาณเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันได้ Trading LPG ไปยัง ประเทศเวียดนาม เรียบร้อยแล้ว โดยในปีที่ผ่านมามียอดการส่งออกอยู่ที่กว่า 18,581 ตัน

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเวิล์ดแก๊สผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสั่งแก๊สออนไลน์ ติดตามข่าวสาร สะสมคะแนนสำหรับกิจกรรม CRM ต่างๆ โดยได้นำเอา CRM Platform ตอบโจทย์ลูกค้า B2B2C ในส่วนธุรกิจ B2B มุ่งเป็น one Stop Service พร้อมนำระบบ Data I-care มาช่วยในการบริหารจัดการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในหลายๆ มิติ

สำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และบริษัทฯมีความพร้อมที่จะรับงานใหม่ๆเพิ่มเติม ด้วยการแสวงหาพลังงานใหม่ๆ ที่เป็นอนาคตของธุรกิจพลังงานที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ solar rooftop แต่รวมถึง Solar farm ด้วย

ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) บริษัทมองเห็นความต้องการใช้ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตบริษัทฯ สามารถที่นำเสนอทั้งก๊าซ LPG และ LNG ให้กับลูกค้ารายใหม่ๆ ได้ โดยบริษัทคาดหวังว่าจะสามารถให้บริการลูกค้า ในธุรกิจก๊าซ LNG เพิ่มเติมได้ในปีนี้

ทั้งนี้แนวโน้มอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนปีนี้จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับในวันที่ 1 เมษายนนี้ ภาครัฐกำหนดนโยบายให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซเป็นรูปแบบขั้นบันได โดยก๊าซหุงต้มLPG ขนาดถัง 15 กก. จะปรับขึ้นราคาจาก 318 บาท เป็น 333 บาท หรือเฉลี่ยขึ้น กิโลกรัมละ 1 บาท

"จากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นทำให้ในภาพรวมธุรกิจในอนาคตจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับ LPG เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก และเพิ่มศักยภาพในส่วนของรายได้และกำไร รวมถึงช่วยสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" ให้มีศักยภาพมากขึ้นอีกด้วย"นางสาวชมกมล กล่าวในที่สุด

8352
หุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond ผ่าน "เป๋าตัง" ตอบรับคึกคัก ปิดยอดจอง 2,000 ล้าน ตอกย้ำลงทุนทั่วถึง [pr]-เท่าเทียมและยั่งยืน

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประสบความสำเร็จปิดการขายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่าน "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย หลังนักลงทุนรายย่อยตอบรับดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นในบริษัทฯ มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 กลับมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงสหรัฐฯ และยุโรปทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุม COVID-19 หลังประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' ให้แก่นักลงทุนรายย่อย ชุดที่ 3 (หุ้นกู้ดิจิทัล) อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ผ่านวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 21 - 23 มีนาคม 2565

การเสนอขายหุ้นกู้ 'MINT e-Bond' นับเป็นครั้งแรกของบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่เสนอขายหุ้นกู้แบบไร้ใบหุ้นกู้ (Scripless) 100%แก่นักลงทุนทั่วไป เพื่อลดการใช้กระดาษสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก พร้อมทั้งสนับสนุนนวัตกรรมตลาดทุนในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่ต้องการเปลี่ยนเป็นใบหุ้นกู้สามารถแจ้งกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดพอร์ตหรือนายทะเบียนหุ้นกู้ได้ (มีค่าธรรมเนียม) นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่ของการเสนอขายหุ้นกู้ โดยเป็นครั้งแรกที่มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับส่วนลด 10% จากราคาปกติ (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) เมื่อใช้บริการร้านอาหารในเครือของบริษัทฯ ที่ร่วมรายการ 6 แบรนด์ ได้แก่ เดอะพิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์, เบอร์เกอร์คิงส์ และเดอะ คอฟฟี่ คลับ (ยกเว้นสาขาในสนามบิน) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไปตลอดอายุหุ้นกู้ที่ลงทุนโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

"ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จึงตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้นกู้ MINT e-Bond เพื่อรับผลตอบแทนจากการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคง โดยบริษัทฯ เตรียมนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดบางส่วน ในเดือนมีนาคม 2565 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงช่วยให้บริษัทฯ บริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายชัยพัฒน์ กล่าว

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ลูกค้าและประชาชนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง บนช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย พร้อมสนับสนุนให้คนไทยวางแผนการออมและการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มใช้บริการได้ แม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย พร้อมเปิดกว้างร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของแพลตฟอร์มให้สามารถบริการครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตของลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง ทั้งบริการทางการเงิน สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการออมและการลงทุน

ล่าสุด ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จำหน่ายหุ้นกู้ MINT e-Bond ชุดที่ 3 ผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม กระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.6% และต่างจังหวัด 59.4% เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 63.7% กระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน (Office Worker) 20-40 ปี สัดส่วนสูงถึง 30.35% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 18.03% ตอกย้ำการเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับหุ้นกู้และได้รับเงินทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

"ความร่วมมือกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการปฎิวัติการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนในธุรกิจอาหาร โรงแรมและไลฟ์สไตล์ และนับเป็นโอกาสในการขยายศักยภาพของแอปฯ เป๋าตัง ให้ตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนไปอีกขั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้าและประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ในหลายๆด้าน ทั้งด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปที่สาขา โดยทำรายการบนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคน และเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตราสารหนี้ของประเทศอีกด้วย" นายรวินทร์ กล่าว

8353
ภาวะตลาดเงิน [pr]นิวยอร์ก: ดอลล์อ่อน นลท.เทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่ง
 
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (22 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และหันเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงเช่นยูโรและปอนด์ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.0030% แตะที่ 98.4940 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1025 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1019 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3254 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3163 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7458 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7393 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 120.74 เยน จากระดับ 119.46 เยน แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9328 ฟรังก์ จากระดับ 0.9335 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2585 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2597 ดอลลาร์แคนาดา

นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงและให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นยูโรและปอนด์ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้

ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแรงลง หลังจากกระแสตอบรับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มแผ่วลง

ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อคืนวันจันทร์ (21 มี.ค.) ว่า "ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงเกินไป ด้วยเหตุนี้เราจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เราก็จะทำ"

ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย. หลังจากที่นายพาวเวลส่งสัญญาณดังกล่าว

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

8354
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขาย [pr]รวม 105,499 ล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 105,499 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขาย สูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 21,562 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 1,117 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 1,514 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.46% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.04%

ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 3-8 bps. ในตราสารระยะยาว ในทิศทางเดียวกับ US- Treasury ภายหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ สำหรับกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวันนี้ NET OUTFLOW 1,514 ล้านบาท โดยเกิดจาก NET SELL 1,514 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มี NET BUY ของนักลงทุนต่างชาติ 3,621 ล้านบาท

สรุปภาวะการซื้อขายตราสารหนี้
ตลาดตราสารหนี้ไทย             22-03-2022    %Change
มูลค่าการซื้อขาย            105,499.28 ลบ.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 3 เดือน  0.48 %    +0.01 %
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี     0.52 %     0.00 %
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี     1.46 %    +0.04 %

มูลค่าการซื้อขายแบบ Outright (แยกตามประเภทตราสาร)
ประเภทตราสาร       ล้านบาท      %Change
ตั๋วเงินคลัง         1,719.31        -66 %
พันธบัตรรัฐบาล     23,637.21        -24 %
ตั๋วสัญญาใช้เงินรัฐบาล     0.00          n/a
พันธบัตร ธปท.     75,210.99       +217 %
พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ       0.00          n/a
หุ้นกู้เอกชน         1,410.17        -35 %
พันธบัตรต่างประเทศ      0.00          n/a

หมายเหตุ: n/a คือ หาค่าไม่ได้ เนื่องจากไม่มีมูลค่าการซื้อขายในวันก่อนหน้า
 

8355
ช่างกุญแจ ยินดีให้บริการ ตลอด 24 ชม ครับ  สนใจติดต่อ โทร 0851088797

หน้า: 1 ... 555 556 [557] 558 559 ... 587